นักวิจัยสหรัฐฯในเทกซัส เผยผลการศึกษาใหม่ พบเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างหนาม หรือสไปค์รอบเซลล์ ทำติดเชื้อง่ายกว่าเดิม
เมื่อ 26 ก.ย.63 เว็บไซต์ เดลี่สตาร์ รายงาน ผลการศึกษาครั้งใหม่โดยทีมนักวิจัยที่เมืองฮิวส์ตัน รัฐเทกซัส ในสหรัฐอเมริกา พบว่า เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือ โควิด-19 มีการกลายพันธุ์ จนกลายเป็นเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม แต่เชื้อไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ จึงทำให้ผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่มีอัตราเสียชีวิตน้อยลง
ทีมนักวิทยาศาสตร์ ได้เรียกเชื้อ ไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์นี้ว่า ‘D614G’ โดยผลการศึกษาพบว่า ได้มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของสไปค์ หรือ หนามโปรตีนบริเวณรอบผิวของเซลล์ ซึ่งนักวิจัยพบว่า ผู้ติดเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ชนิดใหม่นี้ จะมีจำนวนเชื้ออยู่ในบริเวณช่องจมูกและลำคอมากกว่าเดิม จนทำให้เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์นี้ สามารถแพร่กระจายไปยังผู้อื่นได้มากขึ้น จากการไอหรือจามของผู้ติดเชื้อ
เจมส์ มัสเซอร์ นักวิจัยประจำ Houston Methodist Hospital ซึ่งเป็นผู้เขียนรายงานการศึกษาวิจัยนี้ เผย กับวอชิงตัน โพสต์ ว่า ประชาชนมีโอกาสมากที่จะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์นี้ เนื่องจากไม่มีมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมอย่างเพียงพอ ในการป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนั้น นายมัสเซอร์ยังกล่าวด้วยว่า ในขณะที่พวกเราได้พัฒนาวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 และต้องใช้เวลาในการพัฒนา จนบางทีเชื้อโควิด-19 อาจมีวิวัฒนาการจนสามารถชนะวัคซีนเหล่านั้นได้
อ่านเพิ่มเติม...
อ่านบทความและอื่น ๆ ( สหรัฐฯ พบโควิดกลายพันธุ์ เปลี่ยนโครงสร้างหนามรอบเซลล์ ติดเชื้อง่ายกว่าเดิม - ไทยรัฐ )https://ift.tt/335lbss
สุขภาพ
Bagikan Berita Ini
0 Response to "สหรัฐฯ พบโควิดกลายพันธุ์ เปลี่ยนโครงสร้างหนามรอบเซลล์ ติดเชื้อง่ายกว่าเดิม - ไทยรัฐ"
Post a Comment