Search

อดีต ตร.พิสูจน์หลักฐาน จับพิรุธพยานใหม่คดี บอส อยู่วิทยา โผล่ให้การหลังเกิดเหตุ 7 ปี - ช่อง 7

roe.prelol.com
เช้านี้ที่หมอชิต - อดีตตำรวจพิสูจน์หลักฐานคดี "บอส อยู่วิทยา" ยืนยันหลักฐานที่ลงพื้นที่ตรวจสอบในปี 2555 ขัดกับคำให้การของพยานใหม่ 2 ปาก ที่เพิ่งให้การ 7 ปี หลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญทำให้อัยการสูงสุด สั่งไม่ฟ้องคดีนี้ 

จากกรณีที่อัยการมีสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องคดี นายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ "บอส อยู่วิทยา" ทายาทเจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังชื่อดัง ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย หลังขับรถเฟอร์รารี่ชนดาบตำรวจ วิเชียร กลั่นประเสริฐ ตำรวจ สน.ทองหล่อ เสียชีวิตเหตุเกิดเมื่อปี 2555 

โดยในสำนวนที่สั่งไม่ฟ้อง "บอส อยู่วิทยา" มีหลักฐานเพิ่มเติมจากปี 2555 มาจากคำให้การของพยานใหม่ 2 ปาก ซึ่งอ้างว่าขับรถตามรถเฟอร์รารี่ของนายบอส และให้การว่าดาบตำรวจวิเชียร เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ตัดหน้ารถเฟอร์รารี่ก่อน ทำให้เฉี่ยวชนกัน

นอกจากนี้ความเร็วของรถที่ปรากฏในสำนวน ยังถูกปรับเปลี่ยนจาก 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เหลือเพียง 79 กิโลเมตรต่อชั่วโมงด้วย

พันตำรวจตรี ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ อดีตนักวิทยาศาสตร์ กลุ่มงานตรวจทางเคมี ฟิสิกส์ กองพิสูจน์หลักฐานกลาง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้พิสูจน์หลักฐานคดีนี้ เปิดเผยข้อมูลว่า เขาเป็นหนึ่งในตำรวจที่เคยทำคดีนี้ช่วงปี 2555 ตอนนั้นมียศเป็นร้อยตำรวจเอก ช่วงที่ทำคดียืนยันว่าระดับความเร็วของรถเฟอร์รารี่ ปรากฏอยู่ที่ประมาณ 177 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

พันตำรวจตรีชวลิต ระบุว่า คดีนี้ถือเป็นคดีใหญ่ พนักงานสอบสวนได้ส่งเรื่องไปให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งด้านฟิสิกส์ และดีเอ็นเอที่โรงพยาบาลตำรวจและโรงพยาบาลรามาธิบดีตรวจสอบ ผลสรุปความเร็วออกมาในเวลาไม่เกิน 1 เดือน แต่หลังจากคดียืดยาวกลับปรากฏว่ามีการเพิ่มเติมหลักฐานอีกหลายอย่าง

โดยเฉพาะเรื่องที่อ้างว่าอัตราความเร็วรถเฟอร์รารี่ไม่ถึง 100 หรือ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น อยากให้กลับไปดูว่าคนที่ให้ความเห็นนี้คือใคร เข้ามาในสำนวนได้อย่างไร และใช้วิธีการอย่างไรในการระบุอัตราความเร็วนั้น ซึ่งก็ต้องมาเปรียบเทียบชั่งน้ำหนักกัน

พันตำรวจตรี ชวลิต ยืนยันว่า ตรวจสอบพบการพุ่งชนของรถเฟอร์รารี่เป็นการพุ่งชนจากด้านหลังตรง ๆ แต่ในสำนวนใหม่ กลับระบุว่ารถจักรยานยนต์ตัดหน้า ขัดแย้งกับรายงานกองพิสูจน์หลักฐานในส่วนที่เขาทำ ซึ่งมีร่องรอยเฉี่ยวชน และขณะนั้นมีผู้สื่อข่าวไปถ่ายภาพ ตอนเอารถมาเปรียบเทียบกัน ซึ่งเป็นการชนกันตรง ๆ ไม่ใช่การเฉี่ยวชน

ส่วนที่บอกว่า มีการตัดหน้ากันนั้น เป็นคำกล่าวอ้างของพยานที่ขับรถตาม ซึ่งเข้ามาในสำนวนในเดือนธันวาคม ปี 2562 หลังเกิดเหตุ 7 ปี โดยพยานใหม่อ้างว่าขับรถตามนายวรยุทธ ซึ่งพนักงานสอบสวน อัยการ และศาล จะชั่งน้ำหนักว่าคำให้การนี้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน

แต่ส่วนตัวสามารถบอกได้ว่า คนไม่ได้เป็นเครื่องมือวัดการเห็นด้วยตา หรือประมาณด้วยตัวเองแบบนี้ ก็จะไม่น่าเชื่อถือ ดังนั้นคำให้การของพยานที่อ้างว่าขับรถตามมา ก็อาจสามารถพิสูจน์ได้ว่าพูดจริงหรือไม่จากกล้องวงจรปิด ก่อนถึงจุดเกิดเหตุราว 100 เมตร ซึ่งตามไปดูกล้องวงจรปิดกันได้ 

พันตำรวจตรี ชวลิต ได้นำคลิปจากกล้องวงจรปิดซึ่งระบุว่าเป็นหลักฐานในช่วงปี 2555 มาให้ทีมข่าวของเราดู พร้อมระบุว่า เป็นช่วงเวลาก่อนเกิดอุบัติเหตุ จะเห็นว่ารถเฟอร์รารี่ขับผ่านกล้องในเวลาประมาณ 05.34น. กับอีก14 วินาที จากนั้นผ่านไปราว 5 วินาที จึงมีรถคันที่ 2 เป็นรถแท็กซี่ขับตามมาด้วยความเร็วต่างกับรถเฟอร์รารี่

และจากนั้นผ่านไปอีกราว 5 วินาที รถคันที่ 3 จึงขับมาด้วยความเร็วที่ช้ากว่าอีก จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาถึงพยาน 2 คนที่มาให้ปากคำหลังเกิดเหตุ 7 ปี ว่าเห็นเหตุการณ์ขณะขับรถตามรถของ "บอส อยู่วิทยา"

ด้านนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความชื่อดังระบุว่า หลังได้เห็นเอกสารคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ  ของพนักงานอัยการ แล้วพบว่าตัวแปรสำคัญที่ทำให้อัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด คือพยานสำคัญ 2 ปาก คนแรก เป็นนายพล ยศพลอากาศโท อีกคนเป็นพลเรือนอักษรย่อ จ.

โดยในชั้นอัยการนายวรยุทธ ในฐานะผู้ต้องหาที่ 1 ได้ร้องขอความเป็นธรรม จนนำมาสู่การสอบพยานเพิ่ม 2 ปาก ซึ่งพยานใหม่ให้การสอดคล้องกันว่าวันเกิดเหตุขับรถตามหลัง คู่กรณีทั้ง 2 ฝ่าย เห็นผู้ต้องหาที่ 2 คือ ดาบตำรวจวิเชียรขี่รถจักรยานยนต์ในช่องจราจรซ้ายสุด ส่วนรถเฟอร์รารี่ของนายวิทยาอยู่ช่องจราจรที่ 3 พยานระบุว่ารถของนายวิทยาขับด้วยความเร็วประมาณ 50-60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และรถจักรยานยนต์ของดาบตำรวจวิเชียร เปลี่ยนช่องทางจราจรไปช่องจราจรที่ 3กะทันหัน จนรถเฟอร์รารี่พุ่งชน ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายถูกตั้งข้อหาประมาทร่วมตั้งแต่แรก

นายเดชา ยังระบุว่าสังคมไม่เคยรู้เลยว่า ดาบตำรวจวิเชียร ถูกตั้งข้อหาด้วย ซึ่งคำให้การของพยานเรื่องความเร็วสอดคล้องกับความเห็นของผู้เชี่ยวชาญอีกคน ที่ให้การในชั้นสอบสวนว่า นายวรยุทธใช้ความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และในเอกสารระบุว่าพยานทั้ง 2 คน ได้มาจากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเห็น รถ 2 คันขับตามมาจริงจึงนำมาสู่การเรียกเป็นพยาน ทำให้คดีพลิก

ด้านเว็บไซต์สำนักข่าวอิศราได้เผยแพร่เอกสารคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการคดี "บอส อยู่วิทยา" ซึ่งเป็นรายละเอียดคดี ตั้งแต่ปี 2555 จนปี 2560 มีการสอบปากคำผู้เชี่ยวชาญและพยานที่ให้ข้อมูลว่ารถเฟอร์รารี่คันก่อเหตุ ขับด้วยความเร็วไม่ถึง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กระทั่งปลายปี 2562 มีพยานอีก 2 ปาก ออกมาให้การอ้างว่า เห็นความเร็วและเหตุการณ์ขณะรถจักรยานยนต์ตัดหน้า จนช่วงท้ายในคำสั่งมีการสรุปออกมาข้อความส่วนหนึ่งระบุว่า

"รถทั้งสองคันได้รับความเสียหาย เมื่อเหตุที่เกิดขึ้นจากการที่ผู้ต้องหาที่ 2 (ดาบตำรวจวิเชียร) ขับขี่รถจักรยานยนต์ เปลี่ยนช่องทางเดินรถ เข้าไปในช่องทางเดินรถที่ผู้ต้องหาที่ 1 (นายวรยุทธ) ขับขี่มาด้วยความเร็วไม่เกิน 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในระยะกระชั้นชิด ทำให้ผู้ต้องหาที่ 1 (นายวรยุทธ) ไม่สามารถหลบหลีกและหยุดรถได้ทันท่วงที เหตุที่เกิดขึ้นจึงเป็นเหตุสุดวิสัย มิใช่เกิดจากความประมาท ปราศจากความระมัดระวังของผู้ต้องหาที่ 1 (นายวรยุทธ) แต่เกิดจากความประมาท ปราศจากความระมัดระวังของผู้ต้องหาที่ 2 (ดาบตำรวจวิเชียร) ที่เปลี่ยนช่องทางเดินรถในระยะกระชั้นชิด"

ขอบคุณภาพจาก : Facebook  CSI LA
ขอบคุณภาพจาก : สำนักข่าวอิศรา

Let's block ads! (Why?)


July 28, 2020 at 09:31AM
https://ift.tt/333GPxo

อดีต ตร.พิสูจน์หลักฐาน จับพิรุธพยานใหม่คดี บอส อยู่วิทยา โผล่ให้การหลังเกิดเหตุ 7 ปี - ช่อง 7
https://ift.tt/3d8X1Q9
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update

Bagikan Berita Ini

0 Response to "อดีต ตร.พิสูจน์หลักฐาน จับพิรุธพยานใหม่คดี บอส อยู่วิทยา โผล่ให้การหลังเกิดเหตุ 7 ปี - ช่อง 7"

Post a Comment

Powered by Blogger.