กว่าจะเรียบร้อยลงตัวก็รอไปถึงกลางสิงหาฯ จึงได้ครม.ชุดใหม่ ก่อนไปถึงตรงนั้นมาฟังเรื่องราวแก้เซ็งไปพลาง ลึกตื้นหนาบางว่าด้วยจุดเปลี่ยนจนทำให้ “สมคิด-4 กุมาร” ต้องม้วนเสื่อกลับบ้าน
ข่าว “เขย่าขวด” สุดสัปดาห์นี้ย้อนเวลาหาอดีตสักนิดดีกว่าอยู่เปล่าๆ เพราะยังไงการปรับ ครม.ก็ต้องไปว่ากันกลางเดือนสิงหาคมโน่น
การเขย่า “สมคิด-4 กุมาร” ออกจากพลังประชารัฐ จนมาถึงการออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีนั้น มีเหตุและความเป็นไปที่ไม่ธรรมดา
เมื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ไขว่คว้าต้องการขยับเข้าไปสวมตำแหน่งหัวหน้าพรรค
นั่นแหละได้เรื่องขึ้นมาทันที...
ด้วยการกระซิบข้างหู “อุตตม สาวนายน” ให้ออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อจะขึ้นไปแทนที่แต่ได้รับการปฏิเสธ
แถมยังส่งความปรารถนาดีย้อนกลับไปอีกด้วย
“อย่าเป็นเลยครับ...พี่”
แค่นี้ก็บารมีคับบ้านคับเมืองอยู่แล้ว ไหนคนในพรรคยังยอมรับ พรรคร่วมรัฐบาลก็ยังให้ความยำเกรง
ถ้าเป็นหัวหน้าพลังประชารัฐ ก็แค่หัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่งเท่านั้น ไม่ต่างไปจากหัวหน้าพรรคอื่นๆ
หนำซ้ำจะเป็นเป้าทางการเมืองตำบลกระสุนตก...ทันที
อีกด้านหนึ่งจะทำให้พรรคที่เคยมีหัวหน้าเป็นพลเรือน ทำให้ภาพลักษณ์ดีกว่าที่จะเป็น “ทหารถอดรูป”
ไปเข้าทางฝ่ายตรงข้ามที่จี้ใจดำมาตลอดว่า “สืบทอดอำนาจ”
เท่านั้นแหละ...“คนแก่” ถึงกับมีอารมณ์
ความว่าจากนั้นถึงกับไม่มองหน้ากันเลยทีเดียว
ก็เป็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเอามาเล่าสู่กันฟัง...
จากนั้นก็เข้าสู่กระบวนการอัปเปหิจนต้องหลุดจากตำแหน่งในพรรคและไหลไปจนถึงพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี
ว่าไปแล้ว “สมคิด-4 กุมาร” นั้นวางจังหวะก้าวออกจากรัฐมนตรีเอาไว้ราวเดือนกันยายนเมื่อเสร็จภารกิจจัดงบประมาณปี 64 ให้เรียบร้อยเสียก่อน
ได้แค่คิดได้แค่หารือกันเท่านั้น!
เมื่อมีไลน์ขึ้นบนมือถือ “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อย่างที่มีข่าวไปแล้วและมีการพูดคุยกันบ้างขนาดคนสองคนคุยกันแต่รู้กันไปทั้งบ้านทั้งเมือง ตามมาด้วยการประกาศลาออกจากตำแหน่งทั้งทีม
จากกันด้วยดีเขาว่าอย่างนั้น...
แต่วงนอกการเมืองให้คอมเมนต์เบาๆว่าเมื่อส่งสัญญาณมาอย่างนี้ความหมายมันคืออะไรล่ะแสดงว่า “เขาไล่แล้ว”
หากยังนั่งตาแป๋วทำเป็นทองไม่รู้ ร้อนก็ต้องจัดให้อยู่ในไฟลัม “โง่ เซ่อ บ้า” เสียฟอร์มที่ร่ำเรียนมาถึงระดับด็อกเตอร์เปล่าๆ
ยังฝากบอกไปถึง “คนนอก” ที่จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ด้วยหวังดีว่าความตั้งใจดีเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาประเทศนั้น
ต้องขอบคุณด้วยจริงใจ...
ถ้าใช้ความรู้ความสามารถสร้างงาน เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมก็ได้กันทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล รัฐมนตรี ประชาชนและประเทศชาติ
“เศรษฐกิจ” คือหัวใจสำคัญสุด
ข้อสำคัญก็คือบทเรียนทางการเมืองที่ผ่านมาสดๆร้อนๆนั้นต้องพึงระมัดระวังเอาไว้ด้วยเพราะของมันแรง
อย่าไปทำให้ “ผู้เฒ่าใจดี” ขุ่นเคืองอารมณ์เข้าก็แล้วกัน...มีเจ็บแน่!!!
“ลิขิต จงสกุล”
อ่านเพิ่มเติม...
July 26, 2020 at 06:15AM
https://ift.tt/2CLKV2o
ใครใหญ่จริง? - ไทยรัฐ
https://ift.tt/3d8X1Q9
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
Bagikan Berita Ini
0 Response to "ใครใหญ่จริง? - ไทยรัฐ"
Post a Comment