วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2563
จากกรณีที่ นายณพ ณรงค์เดช รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัทวินด์ เอนเนอร์ยี จำกัด แถลงข่าวเมื่อวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาถึงประเด็นข้อพิพาทเรื่องการซื้อขายหุ้นกับ นาย นพพร ศุภพิพัฒน์ ผู้ก่อตั้งบริษัทและเจ้าของหุ้นเดิมโดยอ้างว่าได้ชำระค่าหุ้นแก่เจ้าของเดิมครบถ้วนแล้วและคดีความต่างๆที่มีการฟ้องร้องกันไปมานั้นปัจจุบันหลายคดีสิ้นสุดแล้วและนายณพเป็นฝ่ายชนะทั้งหมด

นายนพพรได้ออกมาโต้ประเด็นดังกล่าวอย่างทันควัน โดยระบุว่า ในส่วนเรื่องการชำระค่าหุ้นนั้น จากมูลค่าซื้อขายที่ตกลงกันไว้ที่ 700 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.1 หมื่นล้านบาท) นายณพโดยบริษัท เคพีเอ็น อีเอ็ช จำกัด ได้ชำระก้อนแรกจำนวน 90.51 ล้านเหรียญเมื่อ ธ.ค.2558 และก้อนที่ 2 นายณพโดยบริษัท ฟุลเลอร์ตัน เบย์ อินเวสเมนท์ส จำกัด จำนวน 85 ล้านเหรียญ เมื่อ มิ.ย.2562 ทั้งที่กำหนดชำระจริงคือ ตุลาคม 2558 จึงมีดอกเบี้ย ส่วนยอดคงค้างที่เหลือเมื่อรวมดอกเบี้ยและค่าใช้จ่ายที่ศาลสั่งให้นายณพชำระเนื่องจากแพ้คดีความจะสูงถึง ประมาณ 680 ล้านเหรียญ
“จากค่าใช้จ่ายส่วนที่ศาลบังคับแสดงถึงว่านายณพเป็นฝ่ายแพ้คดีมิใช่เป็นฝ่ายชนะคดีทั้งหมดดังที่กล่าวอ้าง”
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อนายณพยังค้างชำระหนี้จำนวนมากเช่นนี้จะบังคับให้ชำระค่าหุ้นได้อย่างไร ผู้ก่อตั้งบริษัทวินด์ กล่าวว่า นายณพได้ใช้เทคนิคในการถ่ายเทหุ้นจากประเทศไทยไปยังเกาะฮ่องกงโดยมีการถ่ายเทไปหลายทอดซึ่งปรากฏชื่อ นายเกษม ณรงค์เดช ซึ่งเป็นบิดาของนายณพ เป็นผู้รับหุ้นและโอนต่อไปยังบริษัทโกลเด้น มิวสิค จำกัด ซึ่งมีชื่อ คุณหญิงกอแก้ว บุณยจินดา แม่ยายของนายณพเป็นเจ้าของ ต่อมานายเกษมเป็นผู้ฟ้องร้องกล่าวหานายณพว่าปลอมลายเซ็นในการรับและโอนหุ้นดังกล่าวทำให้ตนต้องขออำนาจศาลฮ่องกงมีคำสั่งห้ามจำหน่ายจ่ายโอนหุ้นของบริษัทโกลเด้นฯเพื่อป้องกันการโอนหุ้นหนี ซึ่งก็ได้รับความกรุณาจากศาลฮ่องกง
“ที่นายณพบอกว่าคดีที่ฮ่องกงนั้นศาลยกหมดแล้วจึงไม่จริงเพราะผมไม่ได้ฟ้องคดีอะไรที่นั่นเลยแต่ไปฟ้องคดีที่ประเทศอังกฤษเพราะฮ่องกงใช้กฎหมายของอังกฤษโดยฟ้องในข้อหา conspiracy หรือร่วมกันฉ้อโกงเจ้าหนี้ซึ่งศาลน่าจะตัดสินช่วงปลายปีหน้าและผมมั่นใจว่าจากหลักฐานที่มีผมชนะแน่นอนซึ่งระหว่างนี้ศาลกรุณาสั่งห้ามโอนหุ้นของบริษัทโกลเด้นฯในฮ่องกงไว้แล้ว” นายนพพรระบุ
นายนพพร ระบุว่า หากตนชนะคดีศาลก็จะบังคับให้บริษัทโกลเด้นฯขายหุ้นเพื่อนำเงินมาชำระหนี้แก่ตนตามกฎหมายต่อข้อถามว่ามีการฟ้องร้องดำเนินคดี กับ นายวีระวงศ์ จิตต์มิตรภาพ ทนายของนายณพและธนาคารไทยพาณิชย์ที่ศาลประเทศอังกฤษจริงหรือไม่ นายนพพร กล่าวว่า ฟ้องจริงเนื่องจากนายวีระวงศ์เป็นที่ปรึกษากฎหมายส่วนตัวของนายณพช่วงระยะเวลาในการโอนหุ้นขณะเดียวกันก็ยังเป็นกรรมการอิสระของธนาคารไทยพาณิชย์อีกด้วยเมื่อนายณพใช้เทคนิคโอนหุ้นไปยังนายเกษมซึ่งทางธนาคารฯในฐานะเจ้าหนี้กำหนดเงื่อนไขให้ที่ปรึกษากฎหมายต้องออกความเห็น(Legal Opinion)ว่า หุ้นดังกล่าวสามารถโอนได้ และรับรองว่าการโอนหุ้นนั้นโอนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ธนาคารไทยพาณิชย์จึงกำหนดว่า คนออกความเห็นนั้นคือ WCP ซึ่งเข้าทางณพเพราะ WCP นั้นมีนายวีระวงศ์ เป็นผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้น “แบบนี้ภาษาชาวบ้านเขาเรียกว่า “ชงเองกินเอง” นายนพพรระบุ
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า หากนายณพมาขอเจรจาเพื่อให้ยุติข้อพิพาทต่างๆจะยินดีเจรจาหรือไม่ นายนพพรยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องเจรจา เพียงแค่นายณพปฏิบัติตามคำสั่งของอนุญาโตตุลาการและศาลคือการชำระหนี้ทุกอย่างก็จบต่อข้อซักถามถึงการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของวินด์ฯผู้ก่อตั้งบริษัท กล่าวว่า ขอให้เป็นดุลยพินิจของตลาดหลักทรัพย์และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ แต่เมื่อผู้บริหารมีพฤติกรรมขาดธรรมาภิบาลเช่นนี้ ผู้มีอำนาจต้องพิจารณาว่าควรจะให้นายณพเข้าไปเป็นผู้บริหารบริษัทมหาชนหรือไม่
ทั้งนี้ นายนพพรได้ยกตัวอย่างพฤติกรรมของนายณพที่อาจจะไม่โปรงใสและขาดธรรมาภิบาลว่าที่ผ่านมามีการไซฟ่อนเงินโดยนำเงินบริษัทมาใช้จ่ายเรื่องส่วนตัวและนำภรรยาและพนักงานบริษัทภรรยามารับเงินเดือนจากวินด์โดยที่ไม่ได้ทำงานให้วินด์รวมไปถึงการนำเงินของวินด์จำนวน 300 ล้านบาทมาชำระหนี้ค่าหุ้นแก่ตนในนามของตัวนายณพฯเอง
August 22, 2020 at 01:02PM
https://ift.tt/2Yqog3l
“เจ้าของวินด์เดิม” ทวงหนี้ “ณพ” ข้ามทวีป 2.1 หมื่นล้าน - สยามธุรกิจ
https://ift.tt/2X7bCpV
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
Bagikan Berita Ini
0 Response to "“เจ้าของวินด์เดิม” ทวงหนี้ “ณพ” ข้ามทวีป 2.1 หมื่นล้าน - สยามธุรกิจ"
Post a Comment