“บิ๊กตู่” มอบหมาย 5 แนวทาง รัฐมนตรีใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วม ครม. ย้ำ รวมไทยสร้างชาติ ขอเลิกแบ่งแยก มุ่งแก้ปากท้องความอยู่รอดประชาชน หวังเห็นไทยกลับมารุ่งเรืองหลังโควิด-19 คลี่คลาย
วันที่ 13 ส.ค. 2563 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ภายหลังวันนี้รัฐมนตรีใหม่เริ่มปฏิบัติหน้าที่ในช่วงเวลาที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย ที่ผ่านมาพวกเราร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับโควิด-19 จนสำเร็จได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังต้องสู้กันต่อไปเพราะปัญหาโควิดในโลกยังไม่จบ ความร่วมมือของทุกคนได้รักษาชีวิตของผู้คนเอาไว้นับหมื่นชีวิตก็ว่าได้ และมากไปกว่านั้นคือปกป้องไม่ให้ครอบครัวจำนวนมากต้องสูญเสียเสาหลักของครอบครัวไป และความร่วมมือของพวกเราทุกคนยังช่วยรักษาเงินของประเทศเอาไว้นับพัน นับหมื่นล้าน ไม่ต้องถูกเอาไปใช้กับการจัดหายาและอุปกรณ์ทางสาธารณสุขมารักษาผู้ป่วย ทำให้ตอนนี้เราสามารถนำเงินนั้นมาช่วยเรื่องเศรษฐกิจและแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนได้หลายล้านครอบครัว นั่นคือเหตุผลที่ยังต้องให้ความสำคัญกับการดูแลและป้องกันวิกฤติสาธารณสุข เพราะส่งผลต่อเรื่องเศรษฐกิจด้วย ซึ่งตอนนี้การจัดการกับวิกฤติเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สำคัญมาก
ทั้งนี้ สิ่งที่เราทำได้ คือการให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาทำงาน และทำทุกอย่างที่จะช่วยเหลือประชาชนให้อยู่รอดได้ ในช่วงเวลาที่เลวร้ายนี้ นี่คือสิ่งที่รับปากกับทุกคนในประเทศในแถลงการณ์ครั้งก่อนที่พูดว่า เราต้องให้คนที่เก่งที่สุดจากทุกภาคส่วนและจากทุกระดับของสังคมได้มีโอกาสใช้ความรู้ความสามารถทำงานร่วมกัน เพื่อผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 นี้ไปให้ได้ และมากกว่านั้นคือ ตอนนี้เราต้องทำงานร่วมกันเพื่อวางแผนและขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น ด้วยวิธีการทำงานแบบ New Normal ที่ตนเรียกว่า “รวมไทยสร้างชาติ” และส่วนหนึ่งของรวมไทยสร้างชาติคือการเปิดโอกาสให้คนเก่งๆ ในประเทศได้ทำงานร่วมกัน ใช้ความรู้ความสามารถทำประโยชน์ จึงได้ตัดสินใจเชิญผู้มีความสามารถซึ่งเป็นคนนอกที่ไม่ได้มาจากภาคการเมืองเข้ามาเป็นรัฐมนตรีใหม่
“ในโลกประชาธิปไตย เราต้องทำงานด้วยกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย ผมยินดีที่จะทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาลให้ได้อย่างดีที่สุด แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีจากพรรคร่วมมาช่วยกันทำงานรับใช้ประเทศ แต่อย่างไรก็ตาม ผมดีใจที่ทุกคนเห็นตรงกันว่าเราต้องเปิดกว้างในสถานการณ์นี้ เพราะเราต้องให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงต่อการดำรงชีวิตของประชาชน ไม่แพ้เรื่องสาธารณสุข ผมจึงตัดสินใจเลือกแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด โดยไม่ได้มองว่าอยู่ในการเมืองหรือไม่ ให้เข้ามาบริหารงานด้านเศรษฐกิจ ท่านเป็นบุคคลที่เป็นที่เคารพในเรื่องเป็นผู้มีจริยธรรม และมีประวัติการทำงานที่โดดเด่น ในฐานะมืออาชีพมาอย่างยาวนาน”
แนวทางที่มอบหมายให้รัฐมนตรี มี 5 ข้อ ดังนี้
1. เราต้องเยียวยาความเจ็บปวดที่ประชาชนกำลังเผชิญอยู่ต่อไปอีก โดยเฉพาะกลุ่ม SME และประชาชนในภาคส่วนต่างๆ ที่ต้องตกงานในช่วงที่ผ่านมา
2. ต้องแก้ปัญหาต่างๆ ในแนวทางที่จะช่วยประเทศอย่างยั่งยืน ตระหนักอยู่เสมอว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกจะยังคงอยู่ต่อไปอีกนาน ซึ่งรู้ดีว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เงินเยียวยากันไปตลอด ดังนั้นต้องเริ่มทำโครงการที่จริงจัง ทำให้ได้ ที่จะช่วยแก้ปัญหาปัจจุบัน นอกจากนั้น ต้องเตรียมการที่จะสร้างความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจให้ได้อย่างยั่งยืน เมื่อโลกกลับเข้าสู่ภาวะปกติ
3. ต้องสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจต่างๆ ยังคงการจ้างงานลูกจ้างของเขาต่อไป และให้ธุรกิจต่างๆ ใช้ช่วงเวลานี้พลิกองค์กรของตัวเองให้กลายเป็นองค์กรที่มีประสิทธิภาพและสามารถแข่งขันได้ดีขึ้น
4. ต้องมีแผนเรื่องการจ้างงานคนรุ่นใหม่ นักศึกษาจบใหม่จำนวนมากกำลังเข้าสู่ตลาดแรงงาน พวกเขาจำเป็นต้องมีงานทำ
5. ต้องทำด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส และรับฟังความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทุกคนในสังคมมีบทบาทหน้าที่ ที่จะช่วยกันนำพาประเทศ ก้าวผ่านความท้าทายนี้ไปให้ได้
ดังนั้น การแต่งตั้งบุคคลที่มีความรู้ความสามารถที่เหมาะสมกับสถานการณ์ที่สุด โดยไม่ได้มองว่าอยู่ในการเมืองหรือไม่ ให้เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี เป็นส่วนหนึ่งของรวมไทยสร้างชาติ และตอนนี้ ผมกำลังเดินหน้า ดึงผู้ที่มีความรู้ความสามารถที่อยู่ในภาคส่วนอื่นๆ ของสังคม ให้มาช่วยกันคิดและขับเคลื่อนประเทศด้วย
“สิ่งที่ผมต้องการสำหรับประเทศไทย คือ เมื่อถึงเวลาที่วิกฤติโควิด-19 เริ่มหายไป ประเทศไทยของเราจะไปอยู่ในจุดที่จะกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งได้อย่างรวดเร็ว สร้างโอกาสการจ้างงานมหาศาล และทำให้ประเทศไทยอยู่ในจุดที่ดีขึ้นกว่าก่อนที่โควิดจะเกิดด้วยซ้ำ บทบาทของผมคือ ผมต้องการเข้าใจประเด็นต่างๆ ด้วยตัวเอง เพื่อสั่งการให้ภาครัฐให้การสนับสนุนภาคส่วนต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม และให้ภาครัฐช่วยกำจัดอุปสรรคที่ดึงรั้งภาคส่วนต่างๆ เอาไว้ การร่วมแรงร่วมใจกันแก้ปัญหาต่างๆ ด้วยความเป็นหนึ่งเดียวกันของเรา จับมือหารือกันอย่างสร้างสรรค์ วางแผน และลงมือทำ คือหนทางที่จะทำให้เราหลุดพ้นจากปัญหาที่ถ่วงประเทศไทยเอาไว้มาอย่างยาวนาน การแบ่งฝักแบ่งฝ่ายทางการเมือง กีดขวางการร่วมแรงร่วมใจกันอย่างเป็นหนึ่งเดียวของคนไทยในการแก้ปัญหาต่างๆ แนวคิดแบบ พวกเขา-พวกเรา ไม่ควรจะมีที่ยืนอีกต่อไปในโลกปัจจุบัน ควรจะมีแต่คำว่า คนไทยด้วยกัน”
นอกจากนี้ เราต้องมองไปในอนาคตข้างหน้า อนาคตที่จะเป็นยุคสมัยของคนที่ปัจจุบันนี้มีอายุ 15 ปี 20 ปี หรือ 30 ปี สิ่งสำคัญของทุกวันนี้ คือ ความยุติธรรมในสังคม ความเสมอภาคภายใต้กฎหมายเดียวกัน ความเท่าเทียมกันในการเข้าถึงโอกาสที่จะทำชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นได้ และมีโอกาสที่จะแสดงศักยภาพของตัวเอง โดยไม่เกี่ยวกับนามสกุล ฐานะทางการเงินของครอบครัว หรืออายุ เราต้องเชื่อว่าคนทุกคนเกิดมามีแต่ความดีอยู่ในตัว ซึ่งส่วนตัวก็เชื่อแบบนั้น และโลกยุคใหม่ต้องการให้พวกเราเรียนรู้ที่จะทำงานด้วยกันอย่างเป็นหนึ่งเดียว เป็นทีมเดียวกัน แม้ว่าอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่างกัน แต่ต้องร่วมกันให้คำนิยามการเมืองแบบใหม่และทำลายการเมืองแบบเดิมที่แบ่งแยก สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เราต้องแบ่งปันความคิดซึ่งกันและกันได้ และเราต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงมุมมองและสิ่งที่ตัวเองคิดออกมา เพื่อช่วยประเทศ
ดังนั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่า เรากำลังทำตามที่พูดว่ารวมไทยสร้างชาติ วันนี้ ผมได้ให้คำแนะนำกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ ให้เชิญมันสมองชั้นยอดของประเทศเข้ามาพบกันเพื่อพูดคุยมุมมองความคิดของแต่ละท่าน ในการบริหารจัดการสถานการณ์เศรษฐกิจที่ประเทศเรากำลังเผชิญอยู่ โดยท่านต่างๆ ที่จะเชิญเข้ามาควรจะมีคนที่เคยอยู่ในรัฐบาลอื่น หรือเป็นคนที่อาจจะมีแนวทางทางการเมืองที่แตกต่างกัน นี่คือแนวทางที่มอบให้ ครม.ใหม่ คณะรัฐมนตรีที่ต้องรวมไทยสร้างชาติ
“ผมขอพูดต่อหน้าประชาชนคนไทยทุกคนว่า กรุณาปฏิเสธความเกลียดชังและการแบ่งแยกทางการเมือง ขอให้ปฏิเสธการเมืองแบบเก่าที่แพร่กระจายเชื้อโรคของความแตกแยกระหว่างความเชื่อที่แตกต่าง คนรุ่นใหม่ คนรุ่นเก่า คนรวย คนจน หรือความแตกต่างอะไรก็ตามที่ถูกใส่เข้ามาในสังคมของเรา อนาคตเป็นของคนรุ่นใหม่ และอนาคตก็อยู่ในมือคนรุ่นใหม่ ให้คนรุ่นใหม่แสดงออกมาให้ทุกคนเห็นว่า เขามีพลังที่จะเดินหน้าประเทศ ไปในเส้นทางที่จะร่วมแรงร่วมใจกันทุกคนทุกฝ่าย ก้าวข้ามความคิดเห็นที่อาจจะแตกต่างกันบ้าง เพื่อช่วยแก้ปัญหาปากท้องในปัจจุบัน และก้าวไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น เราต้องอยู่เหนือการโต้เถียงกันและต้องอยู่เหนือการเมือง เพราะเรามีสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างมากรออยู่ตรงหน้า นั่นคือความอยู่รอดในการหาเลี้ยงชีวิตของคนนับล้านๆ ที่กำลังเดือดร้อนจากหายนะของโควิด-19
เราต้องมุ่งไปที่ความอยู่รอดของปากท้อง เพราะเรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก และเลวร้ายไปทั่วโลก แต่พวกเราต้องมีความหวัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราได้เห็นว่า การร่วมแรงร่วมใจกัน ลงมือทำงานด้วยกัน ได้ช่วยพวกเราให้กลายเป็นหนึ่งในประเทศที่จัดการกับโควิดได้ดีที่สุดในโลก และไม่มีการล้มตายของผู้คน ผมเชื่อว่า เราก็สามารถทำแบบเดียวกันนั้นได้ กับการจัดการวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งหนทางเดียว ก็คือการจับมือกัน และทำงานด้วยกัน เพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศของเรา เพื่อความเจริญรุ่งเรือง เพื่อลูกหลานของเรา นั่นคือภารกิจที่สำคัญที่สุดของเราในตอนนี้”
อ่านเพิ่มเติม...
August 13, 2020 at 06:55PM
https://ift.tt/3gUzwwe
หวังเห็นไทยกลับมารุ่งเรือง "บิ๊กตู่" ขอเลิกแบ่งแยก ร่วมมือกันแก้ปากท้อง - ไทยรัฐ
https://ift.tt/2zhqZ5D
Mesir News Info
Israel News info
Taiwan News Info
Vietnam News and Info
Japan News and Info Update
Bagikan Berita Ini
0 Response to "หวังเห็นไทยกลับมารุ่งเรือง "บิ๊กตู่" ขอเลิกแบ่งแยก ร่วมมือกันแก้ปากท้อง - ไทยรัฐ"
Post a Comment